Search Mark
หน้าแรก / การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 


แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ 
ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน? 

ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง 

ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์ 

จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน 

แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า 

ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากกระแสการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโต โดย Amazon (NASDAQ: AMZN) เป็นหนึ่งในผู้นำที่ขับเคลื่อนกระแสนี้ 

ตั้งแต่ปี 2562 แบล็กฟรายเดย์กลับมาครองตำแหน่งวันที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์อีกครั้ง โดยมีผู้บริโภคประมาณ 90.6 ล้านคนที่ทำการซื้อสินค้าออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 87.2 ล้านคนในปี 2565 

ในทางกลับกัน ไซเบอร์มันเดย์ มีผู้ช้อปออนไลน์ประมาณ 73 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจาก 77 ล้านคนในปีก่อนหน้า 

หุ้นที่น่าจับตามอง  

Amazon (AMZN) 

Amazon ยังคงครองบัลลังก์ในไซเบอร์มันเดย์ ด้วยความเป็นผู้นำในยอดขายออนไลน์ช่วงเทศกาลวันหยุด อย่างไรก็ตาม หลังจากปีที่ต้องเผชิญกับผลประกอบการที่ผสมผสานและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทุกสายตาจึงจับจ้องถึงความสำเร็จของยักษ์ใหญ่วงการค้าปลีกในปีนี้ หากยอดคำสั่งซื้อและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะเป็นการยืนยันความเป็นผู้นำในโลกอีคอมเมิร์ซ แต่หากมีการชะลอตัว อาจก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค 

Walmart (WMT) 

Walmart ยังคงเป็นผู้นำที่โดดเด่นในตลาดค้าปลีกแบบผสมผสานประสบความสำเร็จทั้งในร้านค้าช่วงแบล็กฟรายเดย์และบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในไซเบอร์มันเดย์ ความพยายามล่าสุดในการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเพิ่มประสิทธิภาพในระบบซัพพลายเชน ทำให้ Walmart พร้อมสำหรับฤดูกาลวันหยุดนี้ นักลงทุนต่างจับตามองเพื่อดูว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ และ Walmart จะสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยราคาที่ดึงดูดใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ Amazon และ Target 

Apple (AAPL) 

Apple ยังคงเป็นที่ต้องการสูงในช่วงแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ ด้วยผลิตภัณฑ์พรีเมียมอย่าง iPhone, AirPods และ MacBook ซึ่งมักได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ยอดขายช่วงวันหยุดของ Apple มักถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของภาคเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่กดดันงบประมาณของผู้บริโภค ตลาดกำลังจับตาดูว่า Apple จะสามารถรักษาแรงขับเคลื่อนของตนไว้ได้หรือไม่ ท่ามกลางความท้าทายจากความอ่อนไหวต่อราคาของผู้บริโภค 

PayPal (PYPL) 

ไซเบอร์มันเดย์ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับ PayPal เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของธุรกรรมออนไลน์ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณการชำระเงินของบริษัท หลังจากที่ PayPal ได้พยายามปรับบริการให้หลากหลายและปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร ฤดูกาลวันหยุดนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท หากข้อมูลธุรกรรมแสดงผลเชิงบวก อาจช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นในหุ้นของบริษัท แต่หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาด อาจเพิ่มความกังวลในหมู่นักลงทุน 

Visa (V) and Mastercard (MA) 

Visa และ Mastercard แสดงศักยภาพสูงสุดในช่วงแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ ด้วยจำนวนธุรกรรมที่มหาศาล บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่เหล่านี้ยังช่วยสะท้อนภาพรวมของพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน 

Target (TGT) เปิดโหมด “ลดราคาสำหรับแบล็กฟรายเดย์” หลังผลประกอบการต่ำกว่าคาด 

หุ้นของ Target ร่วงลงอย่างหนักประมาณ 18% หลังจากผลประกอบการต่ำกว่าคาด ในขณะที่นักช้อปอาจตื่นเต้นกับส่วนลดในร้านช่วงแบล็กฟรายเดย์ แต่นักลงทุนกลับมองว่า TGT กำลังซื้อขายในราคาที่เหมือนถูกลดราคาด้วยเช่นกัน ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงและอัตรากำไรที่ลดลง ผลประกอบการของ Target ในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการชี้ว่านี่เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ หรือเป็นสัญญาณเตือนถึงการปรับตัวลงที่อาจเกิดขึ้นต่อไป 

สรุปแล้ว วันไหนที่ส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของฤดูกาลช้อปปิ้ง ที่ช่วยสร้างภาพรวมของพฤติกรรมผู้บริโภคและผลการดำเนินงานของร้านค้าปลีก ซึ่งอาจส่งผลต่อหุ้นอย่าง Walmart และ Target 

ไซเบอร์มันเดย์ เป็นอีเวนต์ที่เน้นหนักไปที่อีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ โดยมีหุ้นอย่าง Amazon และ PayPal ที่ได้รับประโยชน์โดยตรง 

อะไรคือสิ่งที่นักเทรดควรจับตามอง? 

  1. การเติบโตของยอดขายเมื่อเทียบปีต่อปี: ผู้บริโภคใช้จ่ายมากกว่าปีที่แล้วหรือไม่? สิ่งนี้อาจบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ—หรือการขาดความเชื่อมั่น 
  1. หุ้นเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรม: กลุ่มค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และเทคโนโลยีมักเป็นกลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุด 
  1. การปรับประมาณการ: บางบริษัทอาจปรับเปลี่ยนการคาดการณ์รายไตรมาสตามยอดขายช่วงเทศกาล ซึ่งสามารถสร้างโอกาสในการซื้อหรือขายหุ้นได้ 

เปลี่ยนการใช้จ่ายช่วงวันหยุดให้เป็นโอกาสในตลาดหุ้น  

ฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุดมีสองช่วงสำคัญที่นักลงทุนควรจับตา แบล็กฟรายเดย์ เปิดโอกาสแรกให้เห็นแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ ไซเบอร์มันเดย์ ตอกย้ำความสำคัญของอีคอมเมิร์ซ สำหรับนักลงทุน สิ่งสำคัญไม่ใช่การเลือกข้าง แต่คือการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพ 

การติดตามแนวโน้มยอดขายและการตอบสนองของตลาดช่วยให้นักเทรดสามารถวางกลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากเทศกาลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายแล้ว ในขณะที่ผู้บริโภคกำลังเติมสินค้าลงตะกร้า นักลงทุนที่ชาญฉลาดก็กำลังเติมโอกาสในพอร์ตการลงทุนของตนเองเช่นกัน 

แชร์ไปที่

การเคลื่อนไหวของตลาด

การแบน TikTok เกิดจากอะไรและจะเป็นอย่างไรต่อไป 

19 มกราคม 2568 จะถูกบันทึกว่าเป็นวันสำคัญของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมระดับโลก  เมื่อเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เเกิดข้อโต้แย้งขึ้นเมื่อ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในร่างกฏหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค ซึ่งกำหนดให้บริษัทแม่ของ TikTok อย่าง ByteDance ต้องขายหุ้นที่ถือครองของแอปพลิเคชันนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญกับการโดนแบนอย่างถาวรในสหรัฐอเมริกา  หลังจากนั้น ได้มีการต่อสู้ทางกฎหมายเกิดขึ้น ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ การแบน TikTok จึงดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่ทำไมเหตุการณ์แบบนี้ถึงเกิดขึ้น ผลกระทบที่จะเกิดต่อตลาดคืออะไร  และใครจะเป็นผู้ชนะ มาร่วมหาคำตอบกัน  ทำไม TikTok จึงถูกแบนจากสหรัฐฯ  เหตุผลหลักที่ทำให้ TikTok ถูกแบนคือ ความมั่นคงชาติ ทางเจ้าหน้าที่รัฐบาล ได้กล่าวว่า TikTok ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ByteDance เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง เนื่องจากอาจถูกใช้ในการเก็บข้อมูลและบิดเบือนข้อมูลโดยรัฐบาลจีน นี่คือไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ทางกฎหมายที่สำคัญ:  รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่า TikTok ถูกใช้เป็นเครื่องมือของจีนในการเก็บข้อมูล สำรวจพฤติกรรม และเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการกระทำข้างต้น  เจ้าหน้าที่รัฐได้กล่าวว่า นี่เป็นการคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชน  การตอบโต้ของ TikTok: ByteDance […]

2024-12-19 | การเคลื่อนไหวของตลาด

Bitcoin พุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์ Altcoins กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 

เมื่อเร็วๆ นี้ บิตคอยน์ได้ทำลายกำแพง $100,000 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งเมื่อเทียบกับแค่ 14 ปีที่แล้วที่บิตคอยน์ยังคงอยู่ต่ำกว่าหรือเพียงแค่ $1 ความสำเร็จนี้ถือเป็นจุดสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับบิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดเหรียญอื่นๆ #Altcoins ด้วย เหรียญที่สำคัญอย่าง Dogecoin, Ethereum, Solana และ Shiba Inu ต่างก็ได้ประโยชน์จากการเติบโตของบิตคอยน์ในครั้งนี้  การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์ในช่วงที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง ในช่วงเวลา 30 วันที่ผ่านมา บิตคอยน์พุ่งขึ้นเกือบ 50% จาก $69,374 ไปที่ $103,679 ซึ่งการเติบโตนี้เกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ โดยหนึ่งในปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการชนะการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ และคำมั่นสัญญาของเขาที่จะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็น “เมืองหลวงแห่งคริปโตของโลก” การตัดสินใจของทรัมป์ในการแต่งตั้งพอล แอทคินส์ให้เป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ก็เพิ่มแรงหนุนให้กับการเติบโตนี้ ส่งสัญญาณไปในทิศทางของการกำกับดูแลที่เป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น  เมื่อบิตคอยน์เติบโต เหรียญอื่นๆ (altcoins) ก็ได้รับแรงหนุนเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Dogecoin เพิ่มขึ้น 9% ไปที่ $0.46 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของบิตคอยน์ที่ 7% […]

2024-12-12 | การเคลื่อนไหวของตลาด

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? 

แบล็กฟรายเดย์ vs. ไซเบอร์มันเดย์ : วันไหนส่งผลต่อตลาดมากกว่ากัน? ทุกปี นักช้อปต่างรอคอยแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อคว้าข้อเสนอสุดพิเศษ ในขณะที่นักลงทุนก็มองเหตุการณ์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน แต่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป เพราะสองมหกรรมลดราคานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติมสินค้าลงตะกร้าเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มของตลาดอีกด้วย แต่คำถามสำคัญคือ: ระหว่างแบล็กฟรายเดย์และไซเบอร์มันเดย์ วันไหนส่งผลต่อตลาดหุ้นมากกว่ากัน?  ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่าสองวันนี้เปรียบเทียบกันอย่างไร ทำไมนักลงทุนถึงให้ความสำคัญ และหุ้นตัวไหนที่ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องจับตามอง  ศึกประชัน แบล็กฟรายเดย์ ปะทะ ไซเบอร์มันเดย์  จากข้อมูลของสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ในปี 2566 มีผู้บริโภคถึง 200.4 ล้านคนที่ออกมาช้อปปิ้งในช่วงวันหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าจนถึงไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งทำลายสถิติปี 2565 ที่มีจำนวน 196.7 ล้านคน  แบล็กฟรายเดย์ ถือเป็นการเปิดฤดูกาลช้อปปิ้งช่วงวันหยุด ที่มักเกี่ยวข้องกับการลดราคาที่หน้าร้าน แม้ว่าการช้อปปิ้งออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน โดยทั่วไป แบล็กฟรายเดย์ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ เช่น Walmart (NYSE: WMT) และ Target (NYSE: TGT) ที่แข่งขันกันด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า  ไซเบอร์มันเดย์ เป็นคู่แข่งในฝั่งออนไลน์ มุ่งเน้นการช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย […]

2024-11-28 | การเคลื่อนไหวของตลาด