
Fear & Greed Index จาก CNN หรือเรียกอีกชื่อว่า ดัชนีแห่งความกลัวและโลภ เพิ่งแตะระดับ “Extreme Fear” หรือกลัวถึงขีดสุด ส่งผลให้นักลงทุนกำลังอยู่ในโหมดเทขายเต็มตัว ความต้องการเสี่ยงหายไป หุ้นและคริปโตตกลงอย่างต่อเนื่อง เงินทุนไหลออกอย่างรวดเร็ว หากคุณอยู่ในตลาดมานานมากพอ จะเข้าใจว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร
ดัชนีแห่งความกลัวและโลภ (Fear & Greed Index) คือเครื่องมือที่ใช้วัดอารมณ์ของตลาดว่าตอนนี้อยู่ในสถาการณ์แบบไหน ซึ่งตอนนี้ถึงจุดที่ความกลัว (Extreme Fear) ที่เข้าครอบงำตลาด แต่มักจะเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ แต่คำถามถัดไปคือจังหวะไหนที่ควรจะเข้า? เรามาลองวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงเทขาย และแหล่งเงินมหาศาลจะไปรออยู่ตรงไหน
อะไรที่ทำให้ตลาดผันผวนหนัก?
เรียกว่านี่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่คือมรสุมอย่างหนัก
- สงครามการค้าและกำแพงภาษี: สหรัฐฯ และจีนกลับมาเล่นเกมเศรษฐกิจอีกครั้ง การตั้งกำแพงภาษี มาตรการคว่ำบาตร และปัญหา Supply Chain ทำให้ตลาดตึงเครียด สหรัฐฯประกาศภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนทั้งหลายตื่นตระหนก เพราะเมื่อใดที่ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งเศรษฐกิจปะทะกันทั้งตลาดก็จะลุกเป็นไฟ
- การลดงบประมาณของ DOGE: การปรับลดงบประมาณในหน่วยงานสำคัญของรัฐบาล ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ นักลงทุนกลัวว่าการใช้จ่ายที่ลดลงจะทำให้การเติบโตช้าลงและตลาดก็ตอบสนองเรื่องนี้
- การเทขายในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงครั้งใหญ่ : หุ้นหรือคริปโตต่างก็ร่วงทั้งนั้น แม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ตอนนี้ตลาดกลายเป็นโหมดไร้ความเสี่ยง
“ทอง” ยังเป็นสินทรัพย์เดียวที่ยังแข็งแกร่ง
ท่ามกลางความปั่นป่วนนี้ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง

นักลงทุนกำลังหนีเข้าสู่ความปลอดภัย ราคาทองพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และกองทุน ETF ทองคำมียอดไหลเข้าทะลุ 4.38 พันล้านดอลลาร์
ทำไมกัน? เพราะเวลาที่ตลาดตื่นกระหนก หรือปันผวนแบบนี้ สินทรัพย์ปลอดภันอย่างทองก็จะพุ่งสูงขึ้น เมื่อเงินไหลออกจากหุ้นและคริปโต ทองก็จะเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับเงินเหล่านั้นเอาไว้ และนี่ไม่ใช่แค่การหลบไปยังจุดปลอดภัย แต่นี่คือการเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนข้างหน้า
Fear & Greed Index: สัญญาณกลับตัวของตลาด?

คือหนึ่งในสัญญาณของความย้อนแย้งที่ทรงพลังที่สุด เพราะว่าตลาดเต็มไปด้วยอารมณ์ล้วนๆ
- เมื่อทุกคนโลภ คนก็แห่กันเข้าซื้อ ราคาอาจสูงเกินจริง
- เมื่อทุกคนกลัว คนก็แห่กันขาย ราคาอาจต่ำกว่าตลาดเกินไป
ในอดีตที่ผ่านมา เราจะเห็นว่านี่คือจุดที่นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสจาก “Extremely Fear” เหมือนสถาการณ์ตอนนี้
- ช่วงเดือนมีนาคม 2020: COVID ระบาด ตลาดดิ่งหนัก ดัชนีความกลัวไปแตะลงไปที่จุดต่ำสุด ไม่กี่เดือนต่อมา หุ้นและคริปโตเหมือนกระทิงที่ย่อตัวและพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างบ้าคลั่งในประวัติศาสตร์
- ช่วงปลายปี 2022: FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนัก ตลาดพัง ความเชื่อมั่นก็ลดลง ไม่กี่เดือนผ่านไป S&P500 เด้งกลับไปมากกว่า 50%
- ช่วงต้นปี 2023: ราคา Bitcoin อยู่ที่ 16k ดอลลาร์ และคนเชื่อว่าตลาดคริปโตจบแล้ว หนึ่งปีต่อมา ราคา Bitcoin พุ่งไปถึง 50k ดอลลาร์
เห็น Pattern อะไรไหม? ความกลัวสามารถสร้างโอกาสได้
ทวีตของทรัมป์ สั่นสะเทือนตลาดคริปโต

อยู่ๆ ทรัมป์ก็ทวีตโพสต์เดียว เงินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตภายในไม่กี่นาที Bitcoin ทะยานขึ้น Ethereum พุ่งตาม Altcoins ระเบิด นักลงทุนที่ Short ตลาดขาดทุนหนัก
นี่แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความสุขได้ในพริบตา และถ้าทวีตเดียวสามารถกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อได้ขนาดนี้ และอะไรจะเกิดขึ้นหากมีเงินลงทุนจากสถาบันไหลเข้าจริงๆ?
ดัชนี Fear & Greed เราจะใช้ประโยชน์ยังไง?
ความกลัวไม่ได้อยู่เสมอไป คำถามคือ คุณจะเตรียมตัวอย่างไร? นี่คือสิ่งที่นักลงทุนอย่างฉลาดกำลังจับตามอง:
- นักลงทุนสายสวนกระแส กำลังเตรียมตัวรอการกลับตัวของตลาด : หากการเทขายฉะลอตัวลง คาดว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากประวัติศาสตร์ การเข้าซื้อช่วงคนกลัวขั้นสุด ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี
- มองหาสินทรัพย์ที่ถูกขายต่ำกว่ามูลค่าจริง : บางสินทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงราคาขายทิ้ง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ลดราคาจะเป็นโอกาสซื้อ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาให้ดีก่อน หุ้นและคริปโตบางตัวอาจถูกกดราคาต่ำเกินไป
- คริปโตยังเป็นท่าไม้ตายสำคัญ : ทวีตของทรัมป์แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวและแนวโน้มใหม่ๆ หากนโยบายของรัฐบาลเอื้อต่อคริปโต อาจมีแนวโน้มขาขึ้น
เมื่อความกลัวครอบงำตลาด นี่คือช่วงเวลาที่นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์เทรดเพื่อทำกำไรได้ แต่ต้องมีวินัยในการรับมือกับความผันผวน
ส่งท้ายบทความนี้
ความกลัวอาจทำให้รู้สึกแย่ แต่ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาแห่งความกลัวมักเป็นจุดกำเนิดของโอกาสครั้งใหญ่ คำถามคือ คุณพร้อมหรือยังที่จะใช้ประโยชน์จาก Fear & Greed Index?
อ่านบทความวิเคราะห์ตลาดจาก Doo Prime ได้ที่นี่
การเปิดเผยความเสี่ยง
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง