Bitcoin สู่ 100K กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงการเงิน
ในฐานะสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของโลก Bitcoin มักดึงดูดความสนใจได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันเข้าใกล้จุดสำคัญที่หลายคนจับตามอง
ด้วยความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่า Bitcoin อาจแตะระดับ $100,000 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ความตื่นตัวกำลังแพร่ขยายไปทั่วชุมชนคริปโต
แต่เป้าหมายนี้เป็นไปได้จริงหรือเป็นแค่ความคาดหวังที่เกินจริง มาลองเจาะลึกเหตุผลสำคัญ 3 ข้อกันว่าทำไมเป้าหมายราคานี้อาจกลายเป็นจริง
ผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโตในสหรัฐฯ: บิทคอยน์จะถึง 100K ได้ไหม?
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจผลักดันให้ราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นคือท่าทีที่สนับสนุนคริปโตของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 ทั้งสองท่าน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ และกมลา แฮร์ริส แม้ว่าทั้งคู่จะมีแนวทางที่แตกต่างกันในตลาดคริปโต แต่แนวโน้มของพวกเขาบ่งบอกถึงนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ
แนวคิดอันมุ่งมั่นของทรัมป์
โดนัลด์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนท่าทีต่อคริปโตเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน จากที่เคยแสดงความกังขา ปัจจุบันเขามุ่งมั่นที่จะผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้นำระดับโลกในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล
ทรัมป์มีความตั้งใจที่จะผลักดันให้อเมริกาเป็น “ศูนย์กลางคริปโตระดับโลก” ด้วยนโยบายที่อาจส่งเสริมการลงทุนจากสถาบันการเงินและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อบิทคอยน์มากขึ้น ทรัมป์ยังเสนอแนวคิดว่า รัฐบาลอาจใช้บิทคอยน์ในการชำระหนี้สาธารณะมูลค่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ของประเทศ
ด้วยข้อจำกัดที่น้อยลงและการเน้นไปที่การลดกฎระเบียบ รัฐบาลของทรัมป์อาจเป็นตัวเร่งให้การยอมรับบิทคอยน์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
ด้วยการผ่อนปรนข้อบังคับและมุ่งเน้นการลดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ รัฐบาลของทรัมป์อาจเปิดทางให้การนำบิทคอยน์มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาของบิทคอยน์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
แนวทางที่มุ่งเน้นความสมดุลของแฮร์ริส
แม้ว่ากมลา แฮร์ริสอาจมีท่าทีระมัดระวังมากกว่าทรัมป์ แต่ก็มีแนวโน้มว่ารัฐบาลของเธอจะสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลในบางส่วน แทนที่จะออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป แฮร์ริสอาจเลือกที่จะผสมผสานคริปโตเข้ากับโครงสร้างทางกฎหมายที่มีอยู่แล้ว แนวทางที่สมดุลนี้ เมื่อรวมกับนโยบายการเงินที่ครอบคลุม อาจยังสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อบิทคอยน์
ไม่ว่าจะใครชนะการเลือกตั้ง ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายไปในทิศทางที่สนับสนุนคริปโตอาจกลายเป็นตัวเร่งให้ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ พยายามให้ความชัดเจนด้านกฎระเบียบและสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต
คลื่นสภาพคล่องลูกใหม่จากตลาดทั่วโลก
นอกเหนือจากการเมืองแล้ว ปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกก็ส่งผลบวกต่อบิทคอยน์เช่นกัน หนึ่งในปัจจัยหลักคือการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปคาดว่ากำลังจะตามมา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้อาจช่วยเสริมให้เกิดกระแสการเติบโตของบิทคอยน์อย่างแข็งแกร่ง
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
จีนได้เพิ่มสภาพคล่องอย่างมากในตลาดของตน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก การอัดฉีดสภาพคล่องนี้มักทำให้นักลงทุนหันไปสนใจสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี ในอดีตเมื่อมีสภาพคล่องไหลเข้าสู่ตลาด นักลงทุนมักมองหาผลตอบแทนที่สูงกว่า ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำลังปรับกลยุทธ์ในทิศทางเดียวกัน
เมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต จึงคาดว่าทั้งสองภูมิภาคจะมีมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ธนาคารกลางอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ การเพิ่มสภาพคล่องระดับโลกนี้จะสร้างสภาพแวดล้อมที่นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง และบิทคอยน์ ซึ่งมีประวัติผลตอบแทนที่สูง ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เมื่อเศรษฐกิจหลักเริ่มอัดฉีดสภาพคล่อง มักจะนำไปสู่การเพิ่มความต้องการในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิทคอยน์ ซึ่งส่งผลให้ราคาสูงขึ้นได้ การผสมผสานระหว่างแนวทางที่สนับสนุนคริปโตและสภาพคล่องที่มากพอ อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง: สัญญาณกระทิงสำหรับบิทคอยน์
อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมบิทคอยน์คือแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทั่วโลก เมื่อธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ หลายแห่งเลือกที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจากประวัติที่ผ่านมา การลดดอกเบี้ยมักส่งผลดีต่อบิทคอยน์
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
เมื่อธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย มักแสดงถึงการเปลี่ยนไปสู่แนวทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทำให้ต้นทุนการกู้ยืมถูกลง กระตุ้นให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปขอสินเชื่อและลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้นและคริปโตเคอร์เรนซี เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนแบบดั้งเดิมลดลงจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนจึงมักหันไปหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น บิทคอยน์ เพื่อค้นหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน
นอกเหนือจากความน่าสนใจในเรื่องผลตอบแทนสูง บิทคอยน์ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกดิจิทัลแทนทองคำ โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนมองว่าบิทคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสกุลเงินและภาวะเงินเฟ้อ ทำให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดในช่วงที่ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทั่วโลกกำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเพิ่มการไหลเข้าของเงินทุนสู่บิทคอยน์ การผสมผสานระหว่างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนและสถานะของบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์เก็บมูลค่า อาจผลักดันให้บิทคอยน์เข้าใกล้ระดับราคา $100,000
บิคอยน์ทะยานสู่ $100K ด้วยรูปแบบกราฟ “Cup & Handle”
ปัจจัยเสริมที่เพิ่มความเชื่อมั่นในแนวโน้มขาขึ้นของบิทคอยน์คือการก่อตัวของรูปแบบกราฟ “Cup & Handle” บนกราฟรายสัปดาห์ ซึ่งกระตุ้นความหวังในการที่บิทคอยน์จะพุ่งสู่ $100K รูปแบบกราฟเทคนิคนี้มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการเบรกทะลุขึ้น โดยมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบเดียวกันที่เกิดขึ้นก่อนการพุ่งขึ้นของราคาทองคำจาก $2,000 เป็น $2,600 รูปทรงถ้วย (cup) แสดงถึงการฟื้นตัวจากราคาต่ำสุดหลังจากช่วงขาลง ขณะที่หูถ้วย (handle) บ่งบอกถึงช่วงการปรับฐานเล็กน้อยก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้น หากบิทคอยน์ดำเนินตามรูปแบบนี้ อาจเกิดการทะลุขึ้นอย่างรุนแรง ดันราคาขึ้นใกล้ระดับ $100,000 นักวิเคราะห์ทางเทคนิคมองว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี หลายคนเปรียบเทียบกับการพุ่งขึ้นของทองคำ ซึ่งบ่งชี้ว่าบิทคอยน์อาจอยู่ในตำแหน่งพร้อมสำหรับการทะยานอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
หลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า CFDs และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของตราสารทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ด้วยการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยและไม่สามารถคาดการณ์ได้ อาจเกิดการสูญเสียที่มากกว่าการลงทุนเริ่มแรกของคุณภายในระยะเวลาอันสั้น
กรุณาแน่ใจว่าคุณเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตราสารทางการเงินนั้นอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมใดๆ กับเรา หากคุณไม่เข้าใจถึงความเสี่ยงที่อธิบายไว้ในที่นี้ ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบด้านกฎหมาย
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเป็นคำแนะนำในการลงทุน ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอ หรือคำเชิญในการซื้อหรือขายตราสารทางการเงินใด ๆ และไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินของผู้รับข้อมูลเฉพาะบุคคล การอ้างอิงถึงผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างเชื่อถือได้ Doo Prime และบริษัทในเครือไม่รับรองหรือรับประกันความถูกต้องหรือความครบถ้วนของข้อมูลนี้ และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้หรือจากการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ที่ทำขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูลนี้